สกุลเงิน

เมืองหลวง

เมืองหลวงของประเทศคือ วัลเลตตา (Valletta)

ภูมิศาสตร์

มอลตา หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมอลตา (Republic of Malta) เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กสองเกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่มีประชากรหนาแน่น (1,262 คน ต่อตารางกิโลเมตร) เมืองหลวงชื่อเมืองวัลเลตตา (Valletta) มอลต้าตั้งอยู่ทางตอนใต้ของยุโรป ถัดลงมาจากตอนใต้ของประเทศอิตาลี  ประเทศมอลตาประกอบไปด้วย 3 เกาะหลักๆ ด้วยกันคือ เกาะมอลตา (Malta) เกาะโกโซ (Gozo) และ เกาะโคมิโน (Comino) มีเนื้อที่รวมๆ แล้วประมาณ 316 กิโลตารางเมตร ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับที่ 5 ของทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะเป็นประเทศที่เล็ก ที่นี่กลับมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีสถาปัตยกรรมที่อัดแน่นไปด้วยอารยธรรมในดินแดนตะวันตกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กรีก โรมัน อาหรับ ชาวซิซิลี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ก็ตาม

ภาษาประจำถิ่น

ภาษาประจำชาติของมอลตา มีรากศัพท์มาจาก ภาษาซิคูโล-อาหรับ แต่เพราะเคยอยู่ในการปกครองของสหราชอณาจักรมาก่อน ภาษาที่คนทั่วไปใช้ในชีวิตประจำวันจึงเป็น ภาษาอังกฤษ โดยจะมีคำยืมจากภาษาอิตาลี และภาษาซิซิลีปะปนอยู่บ้างเป็นบางคำ 

Time Zone

เวลาในประเทศมอลตาเป็นไปตามเวลายุโรปกลาง (CET) ซึ่งเร็วกว่าเวลาสากลเชิงพิกัด (UTC) หนึ่งชั่วโมง มอลตาสังเกตเวลาออมแสงตั้งแต่วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมจนถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย -7 ชั่วโมง

ฤดูกาลและสภาพอากาศ

• ฤดูหนาว ช่วงเดือนเดือนธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเวลาที่มีอากาศหนาวหรือหนาวจัด และอาจมีบางวันที่มีอุณหภูมิสูงสุดต่ำกว่า 10 °C
• ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนกันยายน ถึง เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว เหมาะสำหรับการไปเที่ยวริมชายหาดเพราะอากาศดี ท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง และอุณหภูมิจะค่อย ๆ สูงขึ้น หรือสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 17 °C
• ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม เป็นช่วงเวลาที่มีแดดจัดพอสมควร หรือบางครั้งอุณหภูมิอาจร้อนกว่าปกติเนื่องจากคลื่นความร้อน มีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 30 °C เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปที่มอลลต้ามากกว่าฤดูอื่นๆ

เมืองยอดฮิต

วัลเลตตา (Valletta)

เป็นเมืองหลวงโบราณของมอลต้าที่มีป้อมปราการ และเป็นเมืองหลวงที่เล็กที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เมืองนี้ล้อมรอบด้วยทะเลสามด้าน เบื้องหลังกำแพงโบราณ วัง วิหาร ป้อมปราการ อนุสาวรีย์ และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ นอกจากกำแพงเมืองและป้อมปราการแล้ว ก็ยังมีสถานที่สำคัญทางราชการ เช่น The Grand Masters’ Palace ทำเนียบของประธานาธิบดีมอลตา จัตุรัสแห่งเสรีภาพ (Freedom Square) และถนนสายสำคัญอย่าง ถนนรีพับบลิค (Republic Road) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ด้านโบราณคดีและศิลปะ หอสมุดแห่งชาติ แถมยังมีร้านอาหาร และร้านของฝากมากมายให้ทุกคนได้ไปซื้อของที่ระลึกกันอีกด้วย

กอสปีกัว (Cospicua)

เมืองกอสปีกัว (Cospicua) หรือ Bormla ตั้งอยู่ตรงข้ามเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 16 และ 17 เพื่อเป็นสถานที่หลบภัย และป้อมเฝ้าระวังศัตรู ต่อมาได้พัฒนาให้กลายเป็นเมืองท่าและอู่ต่อเรือที่ใหญ่สุดแห่งหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองกอสปีกัวเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก มีเพียง โบสถ์โดมแห่งโมสตา (Rotunda of Mosta) เท่านั้นที่ไม่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเลยแม้แต่น้อย แม้จะมีระเบิดน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ตกลงมาใจกลางโบสถ์ที่มีผู้คนกว่า 300 คนกำลังสวดมนต์กันก็ตาม! โชคดีที่ระเบิดดันไม่ทำงาน ทุกคนจึงอยู่รอดปลอดภัยกัน ที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดนับแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นโบสถ์ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

หมู่บ้านป๊อบอาย (Popeye Village)

Popeye’s Village หมู่บ้านป๊อปอาย มีชื่อเสียงโด่งดังจากการ์ตูนเรื่อง ป๊อปอาย โดยที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1929 และทำเป็นการ์ตูนในปี 1960 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนใครๆก็ชื่นชอบและติดมาก ถ้าอยากมีพลังเหมือนป๊อปอาย ต้องกินผักโขม และในปี 1980 วอลท์ดิสนีย์ และ พาราเมาท์ พิคเจอร์ ก็ได้ผลิต ป๊อปอายออกมาเป็นภาพยนตร์ ที่นำแสดงโดย โรบิน วิลเลียม นอกจากที่มาเที่ยวชมเมืองแล้ว ก็มักจะใช้เวลากับสนามกอล์ฟขนาดเล็ก และชิมไวน์ฟรีๆ รวมถึงในแต่ละฤดู เทศกาล ก็จะมีกิจกรรมเวียนมาให้ได้ร่วมสนุกกัน เช่น ช่วงคริสต์มาส ก็จะมีขบวนพาเหรดและซานตา ออกมาสร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย เป็นอีกเมืองที่น่ารัก น่าไปเที่ยวมากๆ เลยทีเดียว

เมืองเอ็มดินา (Mdina)

เอ็มดินา (Mdina) เมืองเก่าแก่ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งความเงียบ” (The Silent City) เพราะเป็นเมืองที่เล็ก และมีประชากรกว่า 300 คนเท่านั้น ความเก่าแก่ของเมืองนี้คือเก่าแก่มากๆเพราะสร้างเมื่อปลายยุคสำริด (Bronze Age) ในช่วง 1500 – 1000 ปีก่อนคริสตกาลแหนะ แถมยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของมอลตาในยุคกลางด้วย เรียกว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายยุคหลายสมัย ถนนหนทางก็ยังคับแคบ บ้านเมืองก็ยังคงความโบราณไว้อยู่ แต่ก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์มากมายที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมเยียนเป็นอย่างมาก

เกาะโกโซ (Gozo)

เกาะโกโซ (Gozo)  ตามตำนานกรีก-โรมัน เขาว่ากันว่า ที่นี่เป็น เกาะแห่งคาลิปโซ่ (Isle of Calypso) เทพธิดาแห่งท้องทะเล เป็นเกาะที่มีธรรมชาติที่สวยงาม และเป็นที่นิยมสำหรับนักดำน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ หน้าต่างแห่งอาซูเร (Azure Window) ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลเป็นเวลาหลายล้านปีจนเกิดเป็นรู ลักษณะคล้ายซุ้มประตู มีความกว้างกว่า 100 เมตร และสูง 50 เมตร เป็นจุดดำน้ำชื่อดัง แถมยังเป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำของซีรีส์ชื่อดังอย่าง Game of Thrones 

ค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพ

นักเรียนส่วนมากไปเรียนที่มอลต้าเพราะเป็นประเทศในทวีปยุโรป จึงเหมาะสำหรับการไปเรียนเพื่อนเก็บเกี่ยวประสบการณ์และท่องเที่ยว โปรแกรมที่เป็นที่นิยมในประเทศมอลต้าคือ โปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษ

ค่าเรียน

• เรียนภาษา

ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ €150 – €250 ต่อสัปดาห์ ทั้งนี้สถาบันต่างๆจะจัดโปรโมชั่นและส่วนลดให้กับนักเรียนขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงเวลา ซึ่งนักเรียนอาจจะได้โปรค่าเรียนที่ถูกลง

• ระดับปริญญา

ค่าใช้จ่ายในาการเรียนระดับมหาวิทยาลัยต่อปีนั้นจะอยู่ที่

1. ปริญญาตรี – 15,000 ถึง 60,000 เหรียญ ระยะเวลาเรียน 3-4 ปี
2. ปริญญาโท – 22,000 ถึง 60,000 เหรียญ ระยะเวลาเรียน 1-2 ปี

ค่าที่พัก

อพาร์ตเมนต์ (1 ห้องนอน) ในใจกลางเมืองตกเดือนละ 850 ยูโร หากเป็นนอกเมืองตกเดือนละ 695 ยูโร

อพาร์ทเมนต์ (3 ห้องนอน) ในใจกลางเมืองตกเดือนละ 1,550 ยูโร หากเป็นนอกเมืองตกเดือนละ 1,150 ยูโร

ค่าน้ำและค่าไฟจะอยู่ปนะมาณ 90 ยูโร

ค่าอินเตอร์เน็ตประมาณ 35 ยูโร

ค่าอาหารโดยเฉลี่ย

การเดินทาง

One-way Ticket (Local Transport)	1.50 €
Monthly Pass (Regular Price)	26.00 €
Taxi Start (Normal Tariff)	5.00 €
Taxi 1km (Normal Tariff)	2.00 €
Taxi 1hour Waiting (Normal Tariff)	30.00 €
Gasoline (1 liter)	1.36 €

ค่าใช้จ่ายจิปาถะ

ช้อปปิ้ง จะตกอยู่ประมาณ 40-150 ยูโร ต่อเดือนขึ้นอยู่กับสินค้าและยี่ห้อที่ซื้อ

ค่าสมาชิกสถานออกกำลังกาย จะอยู่ประมาณ 60 ยูโรต่อเดือน

ค่าตั๋วดูหนังประมาณ 10 ยูโร

สถาบันที่แนะนำ สำหรับเรียนต่อประเทศมอลต้า

English Path Malta

London School of Commerce

EC English

Global Banking School

Queen Mary University in Malta