24/F, Chamchuri Square, 319 Phaya Thai Road, Pathum Wan, Pathum Wan, Bangkok 10330

Facebook

Tiktok

Instagram

High Schools

สถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษา

ผู้ปกครองส่วนมากนิยมส่งบุตรไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับมัธยมศึกษาเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ นิวซีแลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย อเมริกา และสิงค์โปร

หลักฐานการสมัครเรียนที่ใช้ได้แก่

  • Student report 2 ฉบับจากครูที่ปรึกษา อ.สอนวิชาคณิต หรือ อ.สอนภาษาอังกฤษ
  • Transcript
  • Passport
  • Interview กับสถาบันที่สมัครเรียน
  • และสอบวัดผลกับทางสถาบันที่สมัครเรียน

ระบบการศึกษาในแต่ล่ะประเทศอาจคล้ายคลึงกัน แต่ไม่เหมือนกัน เราว่าดูข้อมูลกันดีกว่าว่าแต่ล่ะประเทศนั้นมีระบบการสอนแตกต่างกันอย่างไร?

ประเทศอังกฤษ

การศึกษาระดับมัธยมศึกษาในสหราชอาณาจักร ระดับมัธยมจะเริ่มต้นอายุ 11 ปี – 16 ปี โดยจะเป็นการเรียนในระดับ Key Stage 3-4 (Year 7 – 11) เมื่อนักเรียนเข้าสู่ Year 10-11 จะเป็น Program GCSE ภายใน 2 ปีนี้นักเรียนจะต้องเรียนให้ครบ 9-12 รายวิชาซึ่งในนั้นมี 3 วิชาบังคับที่นักเรียนต้องลงเรียนคือ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ (รวมถึงวิชาเคมี ชีววิทยา และฟิสิกส์) และสามารถลงเรียนวิชาที่สนใจได้ 4 – 5 วิชา เมื่อสอบผ่านนักเรียนจะเข้าสู่ University Preparation Years หรือที่เราเรียกรู้กันว่ามันคือโปรแกรม A-level นั่นเอง

A-Level (Advanced Level) ในระดับ Year 12-13 ซึ่งเทียบเท่ากับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศไทย ส่วนใหญ่นักเรียนที่มีเป้าหมายในการเรียนต่อปริญญาตรีจะเลือกเรียนต่อระดับนี้ โดยนักเรียนจะต้องเลือกลงเรียน 3-4 วิชาเฉพาะตามสาขาที่สนใจจะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี

เมื่อเรียนจบหลักสูตร นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อในระดับปริญญาตรีหรือวุฒิทางวิชาชีพ (Vocational) เพื่อประกอบอาชีพก็เป็นได้

โรงเรียนในประเทศอังกฤษส่วนมากที่สามารถรับนักเรียนเข้าไปศึกษาต่อคือโรงเรียนเอกชน หรือที่เราเรียกกันว่า Boarding School นั่นเอง โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้ปกครองไทย เพราะโรงเรียนดูแลบุตรหลานเป็นอย่างดี

โรงเรียนที่แนะนำได้แก่

Rossall School ประเทศอังกฤษ ที่นี่มี 2 หลักสูตรให้นักเรียนได้เลือกในระดับ Year 12-13 ได้แก่หลักสูตร A-Level เป็นหลักสูตรดั้งเดิมซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาของอังกฤษ และ หลักสูตร(IB) การศึกษาระดับประกาศนียบัตรนานาชาติปริญญาตรีระหว่างประเทศ ที่มีความท้าทายและถูกเลือกไปใช้สอนในโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วโลก ที่แห่งนี้ดังทางด้าน Football Academy, Golf Academy,  Piano Academy  และ Broadway Academy ถ้าหากบุตรหลานของท่านต้องการพัฒนาศักยภาพทางด้านนี้เราแนะนำให้เรียนที่นี่

D’overbroeck’s Oxford College เมือง Oxford ที่มีนี่ 35 รายวิชาสำหรับ A-level ให้นักเรียน Sixth Form เลือก นักเรียนที่นี่ส่วนมากได้เข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกไม่ว่าจะเป็นมหาลัย Oxford Cambridge และ มหาลัยในเครือ Russell Group โรงเรียนแห่งนี้ยังไม่ Arts Center ให้นักเรียนได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพัฒนาฝีมือได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นที่นี่จึงเหมาะสำหรับนักเรียนที่ชื่นชอบและเน้นสายศิลป์โดยเฉพาะ

ประเทศนิวซีแลนด์

ระบบการศึกษาของประเทศนิวซีแลนด์นั้น แบ่งออกเป็น 3 ช่วงด้วยกันดังนี้

Primary School (อายุ 5-10) Years 1-6 ส่วนมากนักเรียนระดับนี้จะเรียนหลายรายวิชาที่สำคัญ ระดับนี้การสอนเน้นให้มีทักษะทางด้านการอ่าน เขียน และคำนวณ

Intermediate School (อายุ 11-12) Years 7-8 การสอนก็จะคล้ายกับระดับปฐมที่เน้นฝึกทักษะทางด้านการอ่าน เขียน และคำนวณ      

Secondary School (อายุ 13-18) Years 9-13 ระดับนี้จะเป็นการสอนเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเข้าสู่การเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย ซึ่งการสอนจะอยู่ในระบบ National Certificate of Educational Achievement (NCEA) ซึ่งจะอยู่ในการดูแลของ NZQA (New Zealand Qualifications) และมีรายวิชาให้เลือกเรียนกว่า 40 รายวิชาทั้งสายสามัญและอาชีวะ

ระบบ NCEA มี 3 ระดับ ได้แก่ Level 1, Level 2, และ Level 3 ผู้ที่จบการศึกษาในระดับชั้น Year 11 จะได้รับประกาศนียบัตร Level 1, ผู้ที่จบการศึกษาในระดับชั้น Year 12 จะได้รับประกาศนียบัตร Level 2 และเช่นเดียวกับ ผู้ที่จบการศึกษาในระดับชั้น Year13 ก็จะได้รับประกาศนียบัตร Level 3

เกณฑ์การเทียบวุฒิ ม. 6

ปัจจุบันนักเรียนที่สำเร็จการศึกษามาจากนิวซีแลนด์ จะได้รับการเทียบวุฒิการศึกษาโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องไปทำเรื่องที่สำนักทดสอบทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการเพื่อเทียบวุฒิหลังเรียนจบอีก

โดยนักเรียนสามารถใช้ประกาศนียบัตรจบการศึกษาจากนิวซีแลนด์ (Record of Achievement หรือ ROA) ประกอบกับ Overseas Results Notice (ORN) และ NCEA Level 2 Certificate ที่ทาง NZQA ออกให้ ยื่นสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้เลย การเช็คว่านักเรียนจบการศึกษาเทียบเท่า ม.6 โดยดูได้จากคุณวุฒิว่าได้ NCEA Certificate Level 2 บนใบประกาศนียบัตร

เกณฑ์การพิจารณาเข้ามหาวิทยาลัยจะมี 2 เกณฑ์คือ

  • เกณฑ์ที่ 1 นักเรียนได้รับประกาศนียบัตรเทียบเท่า NCEA Level 2 หรือสูงกว่า อย่างน้อย 5 วิชาไม่ซ้ำกัน นับจำนวนรวมไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิต ประกอบด้วยวิชาบังคับ 2 วิชาได้แก่ English (Literacy) Level 2 หรือสูงกว่าไม่น้อยกว่า 4 หน่วยกิต และ Mathematics (numeracy) Level 2 หรือสูงกว่าไม่น้อยกว่า 4 หน่วยกิต การพิจารณาไม่นับรวมวิชา ESOL
  • เกณฑ์ที่ 2 นักเรียนต้องสอบผ่าน NCEA จำนวน 80 หน่วยกิต ประกอบด้วย วิชา Level 2 หรือสูงกว่าจำนวนไม่น้อยกว่า 60 หน่วยกิตและวิชา Level  1 หรือสูงกว่าจำนวนไม่น้อยกว่า 20 หน่วยกิต พิจารณานับรวม ESOL ด้วย

ทั้งนี้บางโรงเรียนในประเทศนิวซีแลนด์ก็ยังมาการสอนในระบบ Cambridge International Examinations ซึ่งมีประมาณ 40 โรงเรียน และบางโรงเรียนสอนในระบบ International Baccalaureate Programmes มีประมาณ 25 โรงเรียน

เทอมการศึกษาในประเทศนิวซีแลนด์

  • เทอมการศึกษา 1 เริ่มประมาณปลายเดือนมกราคม – กลางเดือนเมษายน
  • เทอมการศึกษา 2 ต้นเดือนพฤษภาคม – ต้นเดือนกรกฎาคม
  • เทอมการศึกษา 3 ปลายเดือนกรกฎาคม – ปลายเดือนกันยายน
  • เทอมการศึกษา 4 กลางเดือนตุลาคม – กลางเดือนธันวาคม

นักเรียนสามารถเข้าไปเรียนได้ทุกเทอม

โรงเรียนที่แนะนำ

Waimea College เมือง Nelson สอนระบบ NCEA เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเกาะใต้ มีหลากหลายสาขาวิชาให้นักเรียนได้เลือกเรียน ที่นี่มีเจ้าหน้าที่เป็นคนไทย ซึ่งเป็นครูในโรงเรียนคอยดูแลบุตรหลานของท่าน ดังนั้นที่นี่ถือเป็น 1 ในโรงเรียนที่ผู้ปกครองสามารถมั่นใจได้ว่าหากส่งบุตรหลานไปเรียนที่นี่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ACG Parnell College เมือง Auckland เป็นโรงเรียนบนเกาะเหนือ  ที่นี่สอนระบบ Cambridge International Curriculum หรือเรียกว่า A-level โรงเรียนนี้มีการสอนที่ดีเด่นได้รับการยกย่องให้เป็น โรงเรียนติดอันดับ Top 5 ของนิวซีแลนด์ มีนักเรียนมากกว่า 55,000 คน และมีนักเรียนต่างชาติจากหลายประเทศด้วย แถม Jenny จากวง Blackpink ยังเคยเรียนที่นี่อีกด้วย

ประเทศแคนาดา

ประเทศแคนาดาจะมีการสอนตั้งแต่ Grade 1 – 12 มีทั้งโรงเรียนรัฐบาล และเอกชนให้เลือก ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายนั้นก็แตกต่างกันด้วย ที่ประเทศแคนาดาจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 เทอม คือ

  • Fall (ปลายสิงหาคม / ต้นกันยายน ถึง ธันวาคม/ มกราคม)  เทอมแรก
  • Winter (มกราคม – เมษายน)
  • Summer (เมษายน/ พฤษภาคม ถึง มิถุนายน)

นักเรียนต่างชาติสามารถเข้าสมัครเรียนได้ในทุกเทอม ส่วนวิชาที่เป็นภาคบังคับ Compulsory subjects ได้แก่ language, mathematics, science, social studies และ art นอกจานี้ที่แคนดาจะจะมีกิจกรรมเสริมที่นักเรียนต้องเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็น Field trips กีฬา คลับ เป็นต้น

โรงเรียนที่แนะนำสำหรับผู้ปกครองที่สนใจบุตรไปศึกษาต่อที่แคนดานา ได้แก่

Bodwell School เมือง Vancouver เป็นโรงเรียนสห ระบบการศึกษาแบบ IB ในระดับ Grade 8-10, หลักสูตร BC Curriculum ตั้งแต่ Grade 10-12, และมีโปรแกรม Advanced Placement ให้เลือกด้วยซึ่ง AP จะเป็นเกรดที่สามารถเทียบกับมหาวิทยาลัยได้ และใน 1 ปีนักเรียนสามารถลงเรียนได้สูงสุดถึง 11 รายวิชา เลยทีเดียว

School District No. 43 (Coquitlam) ที่ Vancouver มีด้วยกันทั้งหมด 9 โรงเรียนมัธยม

Golden Hills School Division ที่เขต Alberta

Bishop’s College School เมือง Quebec เป็นทั้ง Day School และ Boarding สอนตั้งแต่ Year 7-12 เป็นโรงเรียนใหญ่พื้นที่ 250เอเคอร์ มีหอพัก 8 หอรับรองนักเรียนประจำ ที่นี่มีนักเรียนมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกมาเรียนที่นี่ และมีนักเรียนมากกว่า 300 คนเข้าเรียน มีโปรแกรมสอน IB ให้นักเรียนได้เลือก

ประเทศอเมริกา

ในประเทศอเมริกาจะเรียกโรงเรียนมัธยมว่า Secondary School ซึ่งประกอบด้วย 2 โปรแกรมด้วยกันคือ Middle School หรืออาจจะเรียกว่า Junior high school (grade 7-9) และ High School (grade 10-12)

โรงเรียนในอเมริกาจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ Public School และ Private School ซึ่งแต่ล่ะโรงเรียนจะเปิดสอน 2 เทอมเป็นส่วนใหญ่ แต่จะมีบางโรงเรียนที่เปิดสอน 3 เทอม (Trimester) ในส่วนของภาควิชาบังคับนักเรียนจะต้องลงเรียน 5 วิชา ได้แก่

  • Science: Physics, Chemistry, and Biology
  • Mathematics: Statistics, Algebra, Geometry, Calculus
  • English: History, Geography, Economics
  • Social Studies: History, Geography, Economics
  • Physical Education: Health courses, First aid, Nutrition, Sexuality, Drug awareness, Art, Foreign language

ระบบการให้คะแนนจะเป็นแบบ GPA 4.0 เมื่อนักเรียนเรียนจบก็จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย

การเลือกโรงเรียนที่อเมริกานั้นสำคัญ แม้ว่าทุกโรงเรียนจะวัดกันที่ผลคะแนนเรียน ก็ไม่ได้หมายความว่านักเรียนทุกคนจะได้รับการพิจารณาที่เท่าเทียมกับเมื่อยื่นผลเข้าการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย การที่เลือกเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันที่ดีเกรดผลการเรียนของเราก็จะมีคะแนนมากกว่านักเรียนคนอื่นๆ ที่จบจากโรงเรียนธรรมดาๆ

โรงเรียนที่เราแนะนำเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและมีบริการคอยช่วยเหลือนักเรียนอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ติวเตอร์ รับ-ส่งนักเรียน หาบ้าน เครือข่ายมหาวิทยาลัย เป็นต้น

Saint Anthony’s High School ตั้งอยู่ที่ Long Island เป็นโรงเรียนที่มีอุปกรณ์การเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัย เป็นโรงเรียนที่เน้นสอนสายธุรกิจอย่างจริงจังจนได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งเกี่ยวกับสายธุรกิจ นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังโด่งดังเกี่ยวกับรายวิชาศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ อีกด้วย (Fine Arts)

Saint John’s High School ตั้งอยู่ที่ Long Island ที่โรงเรียนแห่งนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่ชอบสายมีเดีย เพราะมีนี่มีห้อง TV Studio และ Video Broadcasting ให้นักเรียนได้ใช้ และยังมีวิชาเลือกด้านมีเดีย เช่น Photography, Advanced Drawing, CGI, Graphic Design, and Advanced Painting และแถมยังมี Level เทียบเท่ากับเรียนมหาวิทยาลัยอีกด้วย

มีนักศึกษาต่างชาติเพียงแค่ 7% เท่านั้น

Fairmont Private Schools เมือง Orange County, California ได้รับการขนานนามว่าเป็นโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดในย่าน นักเรียนที่นี่มีผลการเรียนดียอดเยี่ยม และที่นี่ยังมีโปรแกรมสอนพิเศษไม่ว่าจะเป็นวิชา Advanced Science and Engineering, International Business, International Baccalaureate, Advanced Math, Artificial Intelligence and Cyber Security อีกทั้งยังมี Advanced Placement (AP) 25 ตัวให้เลือกลงเรียนอีกด้วย